“365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” เมืองไทยเป็นเมืองที่น่าอยู่ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวที่ Amazing มากมายให้ค้นหา สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีด้วยเอกลักษณ์และความน่าสนใจที่ครอบคลุมทั้ง 5 ภูมิภาค เป็นมนต์เสน่ห์ที่ชวนหลงใหล สร้างความมหัศจรรย์ใจเมื่อได้ไปเยี่ยมเยือน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัว โครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ที่สดใส Amazing ยิ่งกว่าเดิม เพราะทุกภูมิภาคทั่วเมืองไทย มีวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงอาหารการกินที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการท่องเที่ยวได้ทุกวัน แบบ 365 วัน กับ 365 Wonder Calendar ปฏิทินที่รวบรวมข้อมูลเทศกาล ประเพณี และ กิจกรรมท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ททท. จึงอยากชวนคนไทยออกมาเที่ยวเมืองไทย มาสร้างเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวให้ทุกวันเป็นไทยเที่ยวไทย Limited Edition อันน่าประทับใจและบอกต่อสู่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ผ่านประเพณี ที่น่าสนใจ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย ให้ได้เลือกปักหมุดออกเดินทางได้ตลอดปี ครอบคลุมครบทั้ง 5 ภูมิภาค (5 ภูมิภาคที่สำคัญของเมืองไทยไปได้ตลอด 365 วัน อาทิ เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ, เทรนดี้ C2 ภาคกลาง, หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน, สบ๊ายสบาย ภาคตะวันออก, หรอยแรงแหล่งใต้)
ภาคกลาง (เทรนดี้ C2 ภาคกลาง)
ชุมชนอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาน้อย ต้องการท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แต่อยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบชุมชนริมน้ำท้องถิ่น ไฮไลต์ที่สำคัญ คือ ตลาดน้ำอัมพวาที่มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือนำอาหารหลากหลายชนิดและพืชผักผลไม้ มาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกันถึงริมคลอง ในช่วงเวลาตะวันใกล้ลับขอบฟ้าจนถึงพระจันทร์ส่องแสงนวลจึงเลิกรา ทำให้ตลาดน้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่า “ตลาดน้ำยามเย็น”และอีกหนึ่งบริการที่ไม่ควรพลาด คือ การล่องเรือชมหิ่งห้อย ซึ่งนักท่องเที่ยว จะได้ชมความสวยงามจากแสงระยิบระยับของแมลงตัวน้อยที่อาจหาญ กระพริบแสงแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรีบนต้น โดยมีค่าบริการคนละ 60 – 80 บาท
ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดริมคลอง ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม (จอดรถที่วัดอัมพวันเจติยารามได้) ทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเวลาเย็นตั้งแต่ช่วงเวลา 15.00 – 21.00 น.
เทศกาลชมวาฬบรูด้า สัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ และจะมาอวดโฉมความน่ารัก ทักทายนักท่องเที่ยวกันเพียงปีละหนึ่งครั้ง ในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคม –ธันวาคม ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าไปสัมผัสภาพความงามตามธรรมชาติของวาฬบรูด้า สามารถจองคิวล่วงหน้าเพื่อนั่งเรือชมวาฬบรูด้า สิ่งสำคัญต้องปฏิบัติตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ตามคำแนะนำของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการไม่รบกวนน้องวาฬและต้องช่วยกันรักษาความสะอาดของทะเลเพชรบุรีให้คงความสวยงามไปนาน ๆ
จุดลงเรือหลักเพื่อชมวาฬบรูด้าของจังหวัดเพชรบุรีมีด้วยกัน 3 จุด ได้แก่ 1) ท่าเรือแหลมผักเบี้ย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ชมรมวาฬบรูด้า ตำบลแหลมผักเบี้ย คุณมนู (ประธานชมรม) โทร. 081-8564939 คุณสาว (ประชาสัมพันธ์ชมรม) โทร. 092-7139730 2) ท่าเรือหาดเจ้าสำราญ ฝ่ายงานท่องเที่ยว เทศบาลตำบลหาดเจ้าสำราญ คุณเปิ้ล โทร. 098-3958852 และ 3) ท่าเรือบางตะบูน ร้านบรูด้า เพชรบุรี โทร. 082-2287995 099-0856942
ภาคตะวันออก (สบ๊ายสบาย ภาคตะวันออก)
วัดปากน้ำแขมหนู (Wat Pak Nam Khaem Nu ) วัดที่มีความสวยงามระดับ Unseen ของจังหวัดจันทบุรี ด้วยความงดงามของโบสถ์เซรามิกสีน้ำเงิน ที่มีสีสันโดดเด่นและความวิจิตรตระการตาของภาพลวดลายบนพื้นโบสถ์และหลังคา สีน้ำเงินที่ตัดกับพื้นสีขาว มีลักษณะคล้ายกับลายครามที่ทำเป็นชามเซรามิกในสมัยโบราณ มีความแตกต่างน่าประทับใจไม่เหมือนกับโบสถ์หรือวัดอื่น ๆ ที่เราเคยเห็น เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ที่มาเยือน ทำให้ต่างนิยมมาถ่ายรูปแชร์ความงดงามกันไม่ขาดสาย
สวนพฤกษศาสตร์ระยอง (Rayong Provincial East Plant Center)
จุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ จัดตั้งขึ้นบนพื้นที่ราว 2,500 ไร่ เพื่อเป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและรวบรวมพรรณไม้ของภาคตะวันออก โดยเฉพาะสภาพนิเวศวิทยาของพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าเสม็ด รวมถึงเพื่อเป็นแหล่งให้ความรู้ พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้แก่นักท่องเที่ยว มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก อาทิ การพายคายัค การปั่นจักรยานชมสวน เป็นต้น
เปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเวลาที่เปิดให้ท่องเที่ยวตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น. ไม่มีค่าบริการในการเข้าชม แต่มีค่าบริการในการสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ค่าบำรุงสถานที่ (บริการให้ความรู้) คนละ 20 บาท
ค่าเช่าคายัค (1 ลำ นั่งได้ 2 คน ) ชั่วโมงละ 100 บาท
ค่าเช่าจักรยาน 2 ล้อ รอบละ 50 บาท
ภาคใต้ (หรอยแรงแหล่งใต้)
ย่านเมืองเก่าภูเก็ต (Phuket Old Town)
จุดเช็กอินที่ต้องมาถ้ามาเยือนจังหวัดภูเก็ต สัมผัสกับสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสตลอดสองฝั่งถนน ผสมผสานศิลปะตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวอาคารเก่าแก่เหล่านี้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2446 เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดภูเก็ต เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีความเป็นมากว่า 100 ปี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคภูเก็ตเมืองแห่งเหมืองแร่สุดบูม ที่มีชาวต่างชาติทั้งชาวจีน อินเดีย อาหรับ และยุโรป เข้ามาทำการค้าและอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ใครมีโอกาสแวะมานอกจากจะได้รูปสวย ๆ กลับบ้านแล้วบริเวณย่านนี้ยังเต็มไปด้วยร้านขายของมากมาย อาทิ สินค้าแฮนด์เมด ร้านอาหารและคาเฟ่สุดชิค นอกจากนี้ยังมีสตรีทอาร์ตตลอดทาง บอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมของชาวภูเก็ตไว้เป็นอย่างดี
จุดชมวิวเสม็ดนางชี (Phang Nga-Samed Nang Chee Viewpoint)
เป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ของจังหวัดพังงา ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง สามารถชมความสวยงามของทัศนียภาพกว้างไกลแบบ 180 องศาของอ่าวพังงาและการก่อตัวของหินปูนที่น่าตื่นตาตื่นใจนับร้อยและเกาะเล็กๆมากมาย พร้อมด้วยหน้าผาหินปูนที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเลสีฟ้าใส เพื่อสร้างหมู่เกาะมหัศจรรย์ของพังงา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย การเดินทางมายังเสม็ดนางชี จะใช้เส้นทางพังงา-โคกลอย หลังจากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางบ้านท่าอยู่-คลองเคียน ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เราจะพบเจอกับทางขึ้นจุดชมวิวซึ่งการขึ้นจุดชมวิวนั้นไม่สามารถขับรถขึ้นไปเองได้ แต่ต้องนั่งรถสองแถวที่สถานที่จัดเตรียมไว้ให้ ค่าบริการรถสองแถวรับส่งขึ้นลงเที่ยวละ 45 บาท รวมท่านละ 90 บาท หรือถ้าท่านใดมีความประสงค์ต้องการเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้วยตนเอง มีค่าบำรุงสถานที่ราคาท่านละ 30 บาท
ภาคเหนือ (เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ)
ดอยแม่สลอง (Chiang Rai – Doi Mae Salong – Tea Plantation)
เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านสันติคิรี ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีชื่อเสียงเรื่องการปลูกชา การทำไร่ชา อากาศเย็นสบายตลอดปี การเดินทางไปเที่ยวดอยแม่สลองแนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาว เพื่อชมถนนพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระเมืองไทย ที่บานสะพรั่งในช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม ของทุกปี พร้อมทั้งสัมผัสความหนาว จิบชาอุ่นๆ ชิมอาหารจีนยูนาน ชมวิวไร่ชา ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามไปพร้อมกัน
วัดพุทธบาทสุทธาวาส (Lampang-Wat Phra Phuthabat Suthawat)
เดิมชื่อ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ถือเป็นสถานที่ Unseen ของจังหวัดลำปาง แบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นล่างเป็นที่ตั้งของ ศาลาชมวิว อุโบสถ เจดีย์องค์ใหญ่ ภายในประดิษฐานพระประธานสี่ทิศ ส่วนชั้นบนเป็นที่ตั้งของเจดีย์องค์เล็กสีขาว รวมถึงเจดีย์สีทองหลายองค์ตั้งเรียงรายอยู่บนยอดเขาหิน และมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าจารึกไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ภาคอีสาน (หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน)
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง (Buri Ram-Phanom Rung Historical Park)
เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้รับอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมและแนวคิดการก่อสร้างมาจากอารยธรรมเขมร สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระศิวะ อยู่ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ประมาณ 1 ชั่วโมง ความมหัศจรรย์ของปราสาทแห่งนี้ คือ ปรากฎการณ์ดวงอาทิตย์ส่องแสงลอดผ่านช่องประตูทั้ง 15 บาน เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้ 4 ครั้งต่อปีเท่านั้น(ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้น วันที่ 3-5 เมษายน 2566 และ วันที่ 5-7 ตุลาคม 2566 / ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ตก วันที่ 5 – 7 มีนาคม 2566 และ วันที่ 5-7 ตุลาคม 2566 )มีความเชื่อว่า หากใครได้ชมแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านช่องประตู จะนำพาซึ่งความเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมีประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เบอร์โทร : 044 -666251
ทะเลบัวแดง จังหวัดอุดรธานี (Red Lotus Lake)
ตั้งอยู่ที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นบึงขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชน้ำ สัตว์น้ำ และนกหลากหลายชนิด พันธุ์ไม้น้ำที่โดดเด่นก็คือ “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” ซึ่งจะขึ้นตามธรรมชาติภายในบริเวณบึงหนองหาน ก่อให้เกิดความงดงามอลังการสุดลูกหูลูกตา เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนและสัมผัสกับความงดงามนี้ในทุกฤดูหนาว สำหรับเทศกาลนั่งเรือเที่ยวชมทะเลบัวแดง อุดรธานี จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยมีค่าบริการเรือนำชม ดังต่อไปนี้ ค่าเรือนำชมลำขนาดเล็ก (นั่งได้ 2 คน) ราคาลำละ 300 บาท ค่าเรือนำชมลำขนาดใหญ่ (นั่งได้ 6 – 8 คน) ราคาลำละ 500 บาท
นอกจากจะได้เดินทางแบบ Limited Edition 365 ทั่วเมืองไทยแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมสนุกกับแคมเปญและลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วย
แคมเปญ “มหัศจรรย์เมืองไทยสวยแบบตะโกน” : แคมเปญไวรัลคลิปชิงรางวัลสุดพิเศษ เพียงบันทึกวิดีโอคลิปตะโกนชื่อโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” และลากเสียงให้ยาวที่สุด ตามสไตล์ของตัวเอง ก็มีสิทธิ์ลุ้นชิงรางวัล Voucher ที่พัก , Gadget ท่องเที่ยว และของที่ระลึกจากโครงการฯเริ่มกิจกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2566
แคมเปญ “Wonder Deal” สิ้นเดือน เหมือนการเริ่มต้นใหม่ : เปลี่ยนวันสิ้นเดือนให้เป็นการเริ่มต้นวางแผนออกเดินทางครั้งใหม่ในเดือนถัดไป โดย ททท. จะนำโปรโมชั่นพิเศษมาเสนอขายผ่านทางแพลตฟอร์ม LAZADA เริ่มกิจกรรมเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม 2566
แคมเปญ “CODE ลับ 365 พาเพื่อนเที่ยว” : แคมเปญชวนเพื่อนเที่ยว โดยรวมตัวแก๊งเพื่อน 3 คน จองดีลเด็ดท่องเที่ยวใน 5 จังหวัด ภายใน 6 สัปดาห์ จากนั้นสร้างสรรค์คอนเทนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแบบฉบับของชาวแก๊ง ส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวในมุมต่าง ๆ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นขวัญใจมหาชน รับเงินรางวัล 365,365 บาท เริ่มกิจกรรมตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2566
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจโปรโมชั่นท่องเที่ยวดีลพิเศษ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ tourismthailand.org ,Facebook : Amazing Thailand หรือ TAT Contact Center โทร.1672 Travel Buddy