บรรยายใต้ภาพ: นางสาวจีน่า แกลวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย (แถวที่ 3 ที่ 8 จากขวา) นางสาวไฮดี้ กาลแล็นท ผู้อำนวยการ (แถวที่ 3 ที่ 7 จากขวา) และนายโจเซฟ วิลลัน (แถวที่ 3 ที่ 6 จากขวา) ผู้บริหารฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพ จัดงาน FedEx Career Camp
เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (FedEx Express) บริษัทในเครือเฟดเอ็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (FedEx Corp.) (NYSE: FDX) และผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุรายใหญ่ที่สุดของโลกร่วมกับหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) จัดกิจกรรม FedEx Career Camp ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ FedEx Career Week ณ ศูนย์ฝึกอบรมเอไอเอ กรุงเทพฯ
ในปีนี้ มีนักศึกษากว่า 40 คนจากหลากหลายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเรียนรู้ทักษะการทำงาน เตรียมความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน ตลอดระยะเวลาของการอบรม นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการเขียนจดหมายสมัครงานแบบมืออาชีพจากพนักงานของเฟดเอ็กซ์ นอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์จำลองซึ่งมีพนักงานจากแผนกทรัพยากรบุคคลของเฟดเอ็กซ์และองค์กรอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยเข้าร่วมทดสอบอีกด้วย
จีน่า แกลวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย กล่าวว่า “เฟดเอ็กซ์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาอนาคตของชาติให้ประสบความสำเร็จผ่านโครงการนี้ ซึ่งเราได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 8 ปี โดยนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะที่ผู้จ้างงานและองค์กรต้องการจากพนักงานที่จบใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนก้าวออกไปสู่โลกแห่งการทำงาน”
ด้านนภัสวรรณ เจริญภักดี หนึ่งในเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า “การเข้าร่วมโครงการนี้เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่สุด ได้เรียนรู้เทคนิคการเขียนจดหมายสมัครงานให้มีประสิทธิภาพ และได้มีโอกาสฝึกสัมภาษณ์งานเสมือนจริง นอกจากนั้น การได้ร่วมพูดคุยกับพี่ๆ จากองค์กรระดับโลกเกี่ยวกับความก้าวหน้าในสายอาชีพทำให้สามารถเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอาชีพในอนาคต”
ในปัจจุบันมีนักศึกษากว่า 418 คนเข้าร่วมโครงการ FedEx Career Camp นับตั้งแต่ปี 2553 เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่โลกของการทำงานจริง
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฟดเอ็กซ์ แคร์ (FedEx Cares global giving initiative) โครงการระดับโลกของเฟดเอ็กซ์เพื่อทำประโยชน์ให้สังคม โดยเฟดเอ็กซ์ใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐในการส่งมอบโอกาสที่ดี และนำเสนอแนวทางในการจัดการปัญหาให้กับชุมชนต่างๆ มากกว่า 200 ชุมชนทั่วโลกภายในปี 2563