เราคงไม่เปแลกใจเลยกับยุคดิจิทัลเมื่อโลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี คนไทยมีชีวิตผูกติดกับดิจิทัลมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเทอร์เน็ต ซื้อขายออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ ทำธุรกรรมการเงินผ่านแอพพลิเคชั่น การสื่อสาร แต่เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะพาสังคมไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล 4.0 ทำให้คนทำงานประจำ ไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจเพียงแค่อย่างเดียว สามารถหาเงินได้มากว่า 1 ทาง ทำให้กลุ่มคนไทยเริ่มมาสนใจและทำการขายของออนไลน์กันมากขึ้น พร้อมทั้งลาออกจากงานประจำที่เงินเดือนที่คงที่ หรือ แต่เพื่อมาทำธุรกิจเป็นของตัวเองและเป็นนายของตัวเองทำให้การขนส่งในยุคอุตสาหกรรมดิจิทัลมีการเติบโตสูงและเติบโตเร็วมากขึ้น
Skootar หนึ่งในผู้พลิกโฉมวงการแมสเซ็นเจอร์จากเดิมของไทย ที่เราจะโทรเรียกใช้บริการ ให้เป็นการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันแทน แน่นอนว่าเราคงคุ้นชินกับการทำงานของแมสเซ็นเจอร์แบบเก่า ๆ แต่มาวันนี้ Skootar นำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME
สกู๊ตตาร์ (SKOOTAR) ผู้ให้บริการเรียกแมสเซ็นเจอร์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ www.skootar.com ก่อตั้งและดำเนินงานโดยสตาร์ทอัพคนไทยมือรางวัลระดับโลก เผยความมุ่งมั่นเติบโตในตลาดเดลิเวอรี่และประกาศความพร้อมเพื่อครองใจลูกค้ามากขึ้น ผ่านการเพิ่มบริการตรงใจ สนองความต้องการลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีด้วยบริการ “Fulltime” เหมาจ่ายรายวันและรายเดือน สร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการบ่อยครั้ง สื่อสารบริการรับส่งอาหาร รวมทั้งจัดเตรียมช่องทางจ่ายเงินไฮเทค SKOOTAR Wallet เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการชำระค่าบริการ พร้อมเผยโซลูชั่นการตลาดใหม่ ควบคู่กับสานสัมพันธ์พาร์ทเนอร์ธนาคารเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ระหว่างกันมากขึ้น
นำทีมบริหารโดย ม.ล.กมลพฤทธิ์ ชุมพล (โก้) CEO และ นายธีภพ กิจจะวัฒนะ CTO ทั้งสองได้มองเห็นโอกาสทางการตลาดและมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น กับธุรกิจเอสเอ็มอี ในการใช้บริการแมสเซ็นเจอร์ จึงได้ร่วมกันพัฒนาเวบไซต์ และแอปพลิเคชั่น ที่ชื่อ SKOOTAR ขึ้นมาเพื่อรองรับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี
โดยใช้แนวคิด Collaborative economy สะท้อนถึงความสามารถในการสร้างรายได้ที่มาจากการแลกเปลี่ยนการบริโภคสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าเชิงเศรษฐกิจจากทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้แล้วระหว่างบุคคลและกลุ่มคนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มรูปแบบต่างๆ โดยผู้ใช้สามารถใช้บริการของแมสเซ็นเจอร์ ผ่านเว็บไซต์หรือแอปฯ ทั้งแอนดรอยด์และ iOS สำหรับงานธุรกิจเช่น เก็บเช็ค วางบิล
มองถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและโอกาสทางธุรกิจ
ก่อนที่จะมาทำ SKOOTAR เหมือนกับสตาร์ทอัปรายอื่นๆ คือ ทำงานออฟฟิศมาก่อน ปัญหาที่พบสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี คือ การจัดส่งเอกสารจำนวนมากในบางวัน ทำให้ต้องจ้างแมสเซนเจอร์หลายคน และในบางวันที่ไม่มีการส่งเอกสาร แมสเจอร์จะว่าง ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย และยังมีอีกหลายเหตุผลที่ธุรกิจขนาดเล็กอย่างเอสเอ็มอี ต้องเจอเกี่ยวกับงานส่งเอกสาร อาทิ ปัญหาของเอสเอ็มอีในการเรียกใช้บริการวินมอเตอร์ไซต์ ที่อยู่หน้าบริษัท เพราะไม่รู้ว่าเขาส่งเอกสารได้ถึงมือผู้รับหรือไม่ และถ้าฝ่ายบัญชีอยากได้ใบเสร็จแน่นอนพี่วินหน้าบริษัททำให้ไม่ได้เพราะด้วย เอกสารที่มีความสำคัญนั้นต้องเป็นผู้รู้ และเข้าใจในตัวเอกสาร เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารที่สำคัญ
ด้วยเหตุนี้จึงคิดระบบที่จะมารองรับการบริการ คิดว่าน่าจะมีบริการด้านแมสเซนเจอร์ ที่จะช่วยธุรกิจเหล่านี้ ตอนนั้น บริการด้านโลจิสติกส์ผ่านแอปพลิเคชั่น ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเหมือนทุกวันนี้ และการทำเป็นรายแรกก็จะถูกจับตา ในกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัปคนไทยด้วยกัน ช่วงนั้น ก็จะมีสตาร์ทอัปไทย
รวมถึงมีประกันอุบัติเหตุเเละประกันของเสียหายรับประกันเอกสารและพัสดุเสียหายจากการขนส่งตามจริง สูงสุด 2,000 บาทต่อเที่ยว พร้อมยังอำนวยความสะดวกลูกค้าสามารถชำระเงินสะดวกผ่านหลายช่องทาง รวมถึงระบบวางบิลสำหรับลูกค้าบริษัท เเละการออกใบเสร็จให้ทุกครั้งที่ใช้บริการเพื่อนำไปบันทึกค่าใช้จ่ายอย่างถูกต้อง
ม.ล.กมลพฤทธิ์ ชุมพล ซีอีโอบริษัท สกู๊ตตาร์ บียอนด์ จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จของสกู๊ตตาร์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนได้รับคะแนนเรทติ้งใน App Store และ Play Store ดีที่สุดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ เติบโตมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบจากปีก่อน และสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 20% ส่งผลให้มีจำนวนลูกค้าส่วนบุคคลและองค์กรรวมใช้บริการแล้วหลายหมื่นรายต่อเดือน และมีแมสเซ็นเตอร์ในสังกัดเพิ่มขึ้นกว่า 7,000 คนเลยทีเดียว แต่สกู๊ตตาร์ก็ยังคงเดินหน้าส่งเสริมจุดขายของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแผนการตลาดต่อไป สกู๊ตตาร์ประกาศมุ่งเน้นคุณภาพการบริการ พร้อมตอกย้ำความน่าเชื่อถือและความโดดเด่นในการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยสนับสนุนการให้บริการ สามารถมอนิเตอร์พนักงานเพื่อตรวจสอบการทำงาน และประเมินการใช้งานโดยลูกค้าได้
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2563 นี้ สกู๊ตตาร์วางแผนสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น 60% โดยเร่งพัฒนาโซลูชั่นใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ามากขึ้น เปิดฉากด้วยการให้บริการรายวันและรายเดือน (Fulltime) เริ่มต้นที่ 18,500 บาท ไม่เกิน 2,000 กิโลเมตรต่อคนต่อเดือน นอกเหนือจากการคิดอัตราค่าบริการเป็นรายครั้งที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการให้บริการรายเดือนจะสร้างความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้าธุรกิจที่ต้องการใช้งานเป็นจำนวนมาก ตลอดจนขยายกลุ่มงานเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่รับส่งเอกสารและพัสดุเท่านั้น ยังมีบริการรับส่งอาหารหรือฝากซื้ออาหารทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เหมาะสำหรับธุรกิจร้านอาหารเดลิเวอรี่ที่ต้องการหาพนักงานช่วยส่งอาหารจากร้านโปรดไปส่งยังลูกค้าปลายทางได้ภายใน 45 นาที มีฟังก์ชั่นสั่งงานล่วงหน้าให้เลือกใช้ มีบริการกล่องเก็บอุณหภูมิ เพื่อความสดใหม่ของอาหาร
นอกจากนั้นสกู๊ตตาร์ยังสร้างสรรค์รูปแบบการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ ในชื่อ SKOOTAR Wallet ซึ่งลูกค้าสามารถฝากเงินไว้ในสกู๊ตตาร์วอลเล็ตเพื่อใช้สำหรับชำระค่าบริการได้ง่ายขึ้น รวดเร็วและปลอดภัยมากกว่าเดิม โดยวางแผนจัดโปรโมชั่นพิเศษ อาทิ เพิ่มมูลค่าเงินในกระเป๋าเพื่อจูงใจให้ลูกค้าหันมาใช้บริการ พร้อมกับเดินหน้าทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยจับมือร่วมกับอีคอมเมิร์สยอดนิยมในไทยเพื่อกระตุ้นยอดออเดอร์ ตลอดจนประสานมืออย่างเหนียวแน่นกับพาร์ทเนอร์ธนาคาร KTC และ SCB เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นให้กับลูกค้าร่วมกันในอนาคต อีกทั้งวางแผนสื่อประชาสัมพันธ์ด้วยช่องทางและวิธีการที่หลากหลายทั้งรูปแบบออนไลน์ผ่านสื่อหลักอย่าง เฟซบุ๊ก และสื่อออฟไลน์ให้ตรงใจ บอกต่อได้ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายพนักงานออฟฟิศ คนในสำนักงาน และผู้ใช้งานทั่วไปให้มากขึ้นอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
www.skootar.com