มีคำถามเยอะแยะมาก และวันหนึ่งเราก็เห็นว่ากลุ่มชาวเผ่ากะเหรี่ยงนี่มีฝีมือเรื่องการทำเครื่องประดับเงิน เราไปศึกษาไปดูวิธีการทำ สังเกต สอบถามมาสักพักก็ตัดสินใจว่า เราจะเอาความรู้ที่มีจากทางธุรกิจครอบครัวที่ทำเครื่องประดับ และ ความรู้จากการขายของออนไลน์ตั้งแต่สมัยมัธยมปลายมาทำ นอวา จิวเวอรี ให้เป็นช่องทางในการขายของเค้า และอนุรักษ์วัฒนธรรม และความสามารถนี้เอาไว้ ให้ทั้งคนไทยรุ่นเก่า รุ่นใหม่ และคนต่างชาติได้รู้จักกันมากขึ้น
ประวัติความเป็นมาและการดำเนินงานของNorwa Jewelry
นอวา จิวเวอรีเริ่มมาจากการที่ ปรนิน คุ้มเมธา หรือ นาว ได้ตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไรให้การช่วยเหลือชุมชน ไม่ใช่เรื่องเงินหรือการบริจาคที่หมดไปซักวันหนึง หากไม่มีเราหรือเงินบริจาคอีกแล้วเค้าจะอยู่อย่างไร แล้วกลุ่มคนที่ไม่มีคนยื่นมือเข้าไปช่วย จะอยู่อย่างไร เมื่อคนลำบากนั้นมีมากกว่าคนบริจาค และคนบริจาคนั้น เค้าบริจาคกันบ่อยเพียงพอหรือ ยิ่งเราสนใจมากเราก็เลยอยากแก้ที่ปัญหาต้นตอเลย ตอนนั้นคิดว่าถ้าบริจาคก็อยากจะบริจาคอะไรที่มันยั่งยืน เช่น หนังสือ ทุนการศึกษา ซึ่งก็เห็นว่า มีหนังสือก็ยังไม่มีครู เพราะโรงเรียนไม่มีเงินจ้าง เด็กบางคนก็ไม่ได้มีโอกาสมาเรียนเพราะต้องช่วยที่บ้านทำงาน เราก็นึกว่า เพราะความยากจน แล้วทำยังไงดี แก้ด้วยเงินก็กลับไปเป็นวงจรแบบเดิมอีก
เริ่มการดำเนินงานส่วนแรกก็ปรึกษากับหลายกลุ่ม สอบถามผู้รู้ และมีการวางแผนอย่างมาก เพราะการทำงานแต่ละครั้งนั้น จะต้องเดินทางขึ้นเขา และเราเองมีเวลาจำกัด จึงต้องทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องหาคนที่เก่งและมีใจในการสอน เข้าไปสอนเพื่อทำให้มีการผลิตมีมาตรฐาน อีกทั้งตอนแรกๆก็มีคนสนใจไม่มาก ต้องทำให้เค้าเห็นว่า เรามาทำจริงนะ เรามาแล้วมาตลอด ไม่ได้มาแล้วหายไป จนกว่าเค้าจะเชื่อมั่น ผูกพัน แล้วมีความคิดที่ว่าการทำเครื่องเงินนั้นสามารถเป็นอาชีพหลักได้ อาชีพเสริมได้จริงๆ ไม่ต้องไปทำงานที่อื่นไกล
หลักการบริหารธุรกิจเป็นอย่างไร ให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร อย่างไรบ้าง
ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นหลัก คือทำทุกอย่าง เราต้องคิดว่าทำยังไงเราจะทำให้เค้ายืนด้วยตัวเองได้ อย่างเช่นการสอนการทำแรกๆ เราลงมือสอนเอง จากนั้นมีครูเข้ามาช่วยสอน เนื่องจากเวลาเราก็จำกัด และต้องดูหลายๆส่วน อีกเยอะ อุปสรรคเรื่องการเดินทางด้วย เราก็เลยตั้งใจว่า การสอนของเราคือการสอนเหมือนสอนให้ทุกๆคนเป็นครูไปด้วย สอนกันเองต่อได้
เรื่อง marketing เราเน้นการนำเสนอ เล่าเรื่องราวจุดประสงค์ของแบรนด์เป็นหลัก เราไม่เน้นแค่เรื่องคุณภาพ ความสวยงามของสินค้าอย่างเดียว เราอยากให้คนซื้อ หรือคนที่ผ่านมาอ่าน มีความเข้าใจถึงปัญหาขึ้น ไม่มากก็น้อย หรือมากไปกว่านั้นคือการเข้าใจถึงปัญหาแล้วนำมาคิด และที่ดีที่สุดคือการที่เค้าใช้แบรนด์เราเป็นตัวอย่าง เพื่อไปสานต่อความคิดกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะเราเชื่อมั่นว่าทุกๆอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคนนั้น สามารถช่วยเหลือคนรอบตัวได้ไปพร้อมๆกัน แบบนี้เรียกว่ายั่งยืน
ค้นหาแรงบันดาลใจในการผลิตชิ้นงานอย่างไร
อธิบายยากว่า แรงบันดาลใจมันเกิดจากอะไร ให้พูดก็คงจะเป็นความตั้งใจ และจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ว่าเราอยากทำอะไรอย่างนึงที่ประสบความสำเร็จ หลายคนจะได้ยินว่า ประสบความสำเร็จแล้วกลับมาช่วยสังคมด้วยนะ แต่คำว่าประสบความสำเร็จนั้น สำหรับนาวมันไม่ใช่แค่สร้างบริษัทใหญ่โตก่อน แต่มันคือการช่วยเหลือผู้อื่นด้วย กว่าเราจะรอให้บริษัทมันกลายเป็นหมื่นล้าน พันล้าน เราจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ เราโตไปในขณะที่บางคนยังติดกับวังวนแบบนั้น ปัญหานับวันมันยิ่งใหญ่ขึ้น อย่างนี้เราโตไปด้วยๆกันเลย นาวเรียกว่านี่และความสำเร็จแรก แล้วทำให้มันโตต่อๆไปคือเป้าหมาย กลุ่มที่เราช่วยต้องขยายใหญ่ให้มากกว่านี้
ถ้าพูดถึงเรื่องการออกแบบ นาวเองถึงพอมีประสบการณ์มาก็เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ความคิดสร้างสรรค์ออกแบบชิ้นงานที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติรอบๆตัว เป็นความน่าหลงใหลของชาวเขาอยู่แล้ว เราเองซะมากกว่าที่ไปเรียนรู้ความคิดการออกแบบจากเค้าด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องสังเกต ดูจากแบบที่เขาออก มานึ่งนึกเอา เพราะเค้าก็อธิบายไม่ได้หรอกว่ามันมาจากอะไร นาวรู้เค้ามีแรงบันดาลใจ แต่นาวอยากให้เค้าสอนเด็ก หรือคนอื่นได้ด้วย เราจึงต้องไปพูดถึงเรื่องการนึกconceptก่อนการออกแบบ การให้ความหมายของผลงานของเรา ก่อนที่จะวาดออกมา หรือ การย้อนกลับไปคิดว่าการที่เราวาดออกมานั้นเนี่ย มันมาจากเหตุการณ์ ความคิด ความรู้สึกตอนนั้น คืออะไร ทุกครั้งที่นาวดูแบบที่เค้าออกมา นาวจะถามคำถามเหล่านี้เสมอ นอกจากนี้ก็มีสอนเรื่องการคำนึงถึงผู้ใส่ด้วย ว่าจะต้องมีน้ำหนักที่พอดี สะดวก เก็บรักษาง่ายใส่ง่าย และแบบที่ทันสมัยกว่าแต่ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องรองลงมา เราก็เอาความรู้ตรงนี้ มาออกแบบต่อ คุยกันพูดกันทำงานด้วยกัน จนตอนนี้มีออกมาทั้งหมด5 คอลเลคชันแล้ว
ช่องทางในการจำหน่าย และการตั้งเป้าหมายอย่างไร
นาวเอาความรู้เรื่องการลงทุน และเรื่องธุรกิจของนาวมาวางแผนช่องทางการจัดจำหน่าย แล้วมองเห็นว่าโลกออนไลน์เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และสามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก สามารถแชร์ข้อมูลไว้ให้คนมาอ่านมาฟัง ถ้าเทียบกับการขายมีหน้าร้าน ที่ต้องลงทุนเยอะ และต้องมีการเก็บสินค้าเยอะ ยิ่งเรามีสาขาเพิ่ม เราจึงเน้นการทำออนไลน์เป็นหลัก สวนการเพิ่มสาขาออฟไลน์ ให้เป็น omni-channel นั้น เป็นแผนที่วางไว้ข้างหน้า แต่เราต้องมีข้อมูลเพียงพอมาตัดสินใจว่า เปิดไหม เปิดกี่สาขา ทำที่ไหน ทำอย่างไร แล้วระบบการสอนผู้ขาย การควบคุมต่างๆ ซึ่งตอนนี้เน้นโตออนไลน์ กลุ่มคนทำของเราก็เตรียมพัฒนาฝีมือรอการเติบโตก่อนเลย เราเน้นการขายลูกค้าชาวต่างชาติด้วย เนื่องจากการตอบรับ ความนิยม เทรนด์ การให้คุณค่านั้นจะตอบโจทย์เค้ามากกว่า แต่ลูกค้าคนไทยก็มีเช่นกันค่ะ
อัตราการเติบโตของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา
เราเติบโตอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปในช่วงแรก เนื่องจากมีการพัฒนารูปแบบสินค้า และทีมชาวเขาที่ทำก็ยังมีไม่มาก ปัจจุบันนั้นสามารถสอนศิลปิน นักออกแบบ ให้ผลิตออกมาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยทำงานกับกลุ่มชาวเขา และผู้หญิงรวมกันประมาน 200 คน มีทั้งอาชีพหลักและเสริม ตอนนี้ขายได้ประมาณ 500 ชิ้นต่อเดือน เริ่มมีลูกค้าซื้อจำนวนเยอะไปขายต่อก็มีค่ะ
ทิศทางในการบริหารงาน-การลงทุนกลยุทธ์และแผนการตลาด ในปี 2562
การลงทุนที่ผ่านมา ลงทุนด้ายสายการผลิต และลงแรงเรื่องการขาย marketing และทำงานอย่างหนัก ต่อไปก็อยากจะสร้างทีมที่ใหญ่ขึ้น เพราะตลาด และฐานลูกค้าเราเพิ่มขึ้น รวมทั้งอยากขยายทีมทำการพัฒนาช่วยเหลือผู้หญิงที่แอฟริกา เนื่องจากที่ผ่านมานาวจะเป็นคนติดต่อโดยตรงเองทั้งหมด เรื่องการสนับสนุน การทำงานรร่วมกับองค์กรต่างชาติ ซึ่งมีทั้งที่อังกฤษ เยอรมัน อิรัก แทนซาเนีย โซมาเลียก็มี ซึ่งกลุ่มองค์กรนี้เน้นเรื่องการช่วยเหลือและพัฒนาผู้หญิง ตรงกับความมุ่งหมายของนอวา มองได้เป็นการตลาดเช่นกัน เนื่องจากเราขยายเป้าหมายกลุ่มที่เราอยากช่วยเหลือ และเข้าไปจับมือกับกลุ่มในประเทศเหล่านี้ ที่คนที่มีความคิด รักในการพัฒนาให้ความสนใจเหมือนกันนั้นเยอะด้วย เป็นการโปรโมทแบรนด์เราไปในตัว