“การทำธุรกิจต้องตั้งมั่นในคุณธรรม” วัฒนธรรมขององค์กรที่เจียระไน บิวตี้ เจมส์ ให้เป็นเพชรเม็ดงามในวงการอัญมณี
บริษัท บิวตี้ เจมส์ ได้รับการเจียระไนจากคุณพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล กระทั่ง “บิวตี้ เจมส์” ได้กลายเป็นเพชรเม็ดงามส่องประกายระยับประดับวงการอัญมณีในระดับโลก และยังวางรากฐานการค้าอัญมณีของไทยให้แข็งแกร่งมั่นคงดุจเพชร ครึ่งศตวรรษบนถนนสายอัญมณี ผู้บริหารแต่ละรุ่นล้วนต้องผ่านความอดทนและทำงานหนักมาก รวมถึงการตั้งมั่นในคุณธรรมทั้งการปฏิบัติงานและการตัดสินใจ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี บิวตี้ เจมส์ คุณหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ เจมส์ ได้เผยถึง กุญแจสำคัญที่ทำให้องค์กร ก้าวผ่านอุปสรรคระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างสง่างาม
แรกว่า เราจะถนัดเรื่องการส่งออก จึงมีแต่กลุ่มนัก-ธุรกิจที่รู้จักบิวตี้ เจมส์ คนส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมามองตลาดในประเทศ การเปิดตลาดในประเทศนั้นคงไม่สามารถไปกระจายเปิดสาขาได้ทุกภาคทุกจังหวัดเพื่อให้คนรู้จักได้ จึงริเริ่มจัดงาน event ประจำปี ของ บิวตี้ เจมส์ ขึ้นมา โดยเป้าหมายที่แท้จริงของการจัดงาน คุณหนึ่งมุ่งหมายอยากอวดความสวยของอัญมณีไทยสู่สายตาชาวไทย “เราก็คิดไอเดียที่แปลกแหวกกระแสสังคมและอยากให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ก็เชิญ
เซเลบชื่อดังมาร่วมงาน ต่างแต่งกายหรูหราใส่เครื่องประดับเพชรพลอยกันเต็มที่ เป็นงานหรูหราอลังการของไฮโซ จนถูกหาว่าฟุ้งเฟ้อเกินไป แต่ผมก็คอยให้กำลังใจกับทุกคนและพยายามโปรโมทให้เห็นว่าเครื่องเพชรเครื่องพลอยนั้นเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ดูสิตอนนี้ใครๆ ก็หันมาใส่เพชรกันทั้งนั้น ถ้าเราไม่สร้างไอเดียที่แปลกใหม่
เจ๋งๆ มันก็ไม่โดดเด่น ไม่สามารถสร้างการรับรู้ได้”จวบจนวันนี้ งานประจำปีของ บิวตี้ เจมส์ ได้กลายเป็นงานทอล์กออฟเดอะทาวน์ทุกครั้งที่จัด คุณหนึ่งชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมอัญมณีไทยนั้นเป็นอุตสาหกรรมส่งออกของประเทศเป็นอันดับ 3 มีมูลค่ารวมกว่าสี่แสนล้านบาท และเบื้องหลังยังมีคนทำงานในอุตสาหกรรมนี้อีกนับล้านคน อุตสาหกรรมในห้องแอร์ที่หลายประเทศต่างจ้องตาเป็นมัน ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากโดยเฉพาะการออกแบบซึ่งมีพื้นฐานมาจากความรุ่มรวยอารมณ์ศิลป์อันเป็นพื้นฐานการดำรงชีวิตของคนไทยคุณหนึ่งเล่าว่า “คุณพ่อ (พรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล) บอกว่าอุตสาหกรรมอัญมณีไทยได้เปรียบเพราะคนไทยเป็นช่างที่มีฝีมือดีมากอันเนื่องจากมีพื้นฐานด้านวัฒนธรรมที่มีศิลปะในหัวใจที่แทรกอยู่ในวิถีการดำรงชีวิต คล้ายกับคนอิตาลี ซึ่งดูได้จากภาพสะท้อนของวัดวาอาราม สิ่งแวดล้อมของคนไทยมองซ้ายก็วัดมองขวาก็อาราม เมื่อเป็นช่างอัญมณีก็ได้ถ่ายทอดความประณีตและความงดงามผ่านเครื่องประดับเหล่านั้นได้อย่างวิจิตรบรรจง” สิ่งที่สะท้อนจากการคิดแปลกแหวกแนวในการจัด event ของคุณหนึ่งตอบโจทย์ข้อหนึ่งได้ว่าคนทำธุรกิจไม่ว่าใหญ่หรือเล็กจะประสบความสำเร็จได้ ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ไม่ติดอยู่ในกรอบเดิมๆ
Bangkok Gems & Jewelry Fair
ก้าวเริ่มต้นที่ทำให้ธุรกิจอัญมณีเมืองไทยเติบโตอย่างสง่างามคือ การที่กลุ่มผู้ค้าและผู้ผลิตอัญมณีช่วยกันผลักดันปลดล็อคในเรื่องภาษีเป็นผลสำเร็จ เปลี่ยนตัวเลขการส่งออกจากหลักหมื่นล้านกลายเป็นหลักแสนล้านบาท และ การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอัญมณี ให้แข็งแกร่ง
The most important factor of our success is “Business requires integrity”. This virtue has been our foundation for many generations. Every decision is made on the basis of legitimacy
I’m promoting “Amazing Thailand, Land of Jewelry” because I want the foreign visitors to bring back our Thai jewelries to their countries. If there are 30 million visitors each year and 0.¹ % of them equivalent to 30,000 people spending ¹ million Baht each on our jewelries, we will make 30,000 million Baht and all that money will circulate in the Thai jewelry industry
จึงถูกผลักดันขึ้น ยุทธศาสตร์หนึ่งในนั้นคือการจัดงาน “บางกอก เจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์” งานแฟร์ที่รวบรวมสุดยอดผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับจากทั่วทุกมุมโลกถือเป็นงานจิวเวลรี่ แฟร์ระดับอินเตอร์ที่มีผลตอบรับดีต่อเนื่องทุกๆ ปี จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นงานจิวเวลรี่ แฟร์ ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในแถบเอเชีย และยังติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก
คุณหนึ่งเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า “คุณพ่อและผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายช่วยกันจัดงานนี้ขึ้นมา ในตอนแรกก็มีคนมาออกร้านกับเราจำนวน 40 บูธ ต่อมาก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีผู้ร่วมออกบูธทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมากกว่า 2,000 บูธ และมีชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมงานมากถึง 60,000 คน นับได้ว่าเป็นงานอินเตอร์เนชั่นแนลเทรดแฟร์ที่มีชาวต่างชาติมาร่วมจอยมากที่สุด และเป็นงานแฟร์ขนนาดใหญ่ 1 ใน 5 ของโลกด้วย ในฐานะที่เราเป็นลูกคุณพ่อก็ขอบอกว่าภูมิใจมาก เพราะสิ่งที่ท่านทำไว้ให้เราในวันนี้เปรียบเสมือนเสาเข็มของความแข็งแกร่งและมั่นคงของวงการอัญมณีไทย ไม่เพียงแต่ บิวตี้ เจมส์ ได้ประโยชน์ แต่เราทุกคนในวงการนี้ได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย”เป้าหมายต่อไปของ บิวตี้ เจมส์ คือ ผลักดันให้อัญมณีไทยกลายเป็นของขวัญของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่ง CEO หน้าหยกกล่าวว่า “ นักท่องเที่ยวหรือดาราฮอลลีวูดที่เขามาเที่ยวเมืองไทย เขาใช้เงินในการท่องเที่ยว ค่าที่พักซื้อของฝากมากมายมันก็ราคาหลักหมื่น แต่ถ้าซื้อเพชรหรือเครื่องประดับสักชิ้นราคาหลักแสนถึงหลักล้านบาท รายได้เป็นกอบเป็นกำตอนนี้ผมจะโปรโมท
Amazing Thailand Land of Jewelry
เป้าหมายต่อไปของ บิวตี้ เจมส์ คือ ผลักดันให้อัญมณีไทยกลายเป็นของขวัญของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่ง CEO หน้าหยกกล่าวว่า “นักท่องเที่ยวหรือดาราฮอลลีวูดที่เขามาเที่ยวเมืองไทย เขาใช้เงินในการท่องเที่ยว ค่าที่พักซื้อของฝากมากมายมันก็ราคาหลักหมื่น แต่ถ้าซื้อเพชรหรือเครื่องประดับสักชิ้นราคาหลักแสนถึงหลักล้านบาท รายได้เป็นกอบเป็นกำตอนนี้ผมจะโปรโมท Amazing Thailand Land of Jewelry เพราะอยากให้คนที่มาเที่ยวเมืองไทยซื้ออัญมณีไทยกลับไปด้วย ถ้ามีนักท่องเที่ยวในเมืองไทยปีละ 30 ล้านคน ขอเพียง 0.1% เท่ากับ 30,000 คน ซื้ออัญมณีคนละ 1 ล้านบาท เท่ากับเราได้เงิน 30,000 ล้านบาท แล้วเม็ดเงินมันก็กระจายอยู่ในอุตสาหกรรมอัญมณีในประเทศทั้งระบบ แม้วันนี้โครงการนี้อาจจะยังไม่สำเร็จ อาจจะเห็นผลในอีก 10 ปี หรือ 20 ปีหรือ 30 ปีถัดไปก็ตาม แต่ก็ไม่ถือว่าช้าเกินไปก็ขนาดบิวตี้ เจมส์ เองก็ผ่านมาถึง 50 ปีแล้ว ก็เปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น เราก็ค่อยๆ ปูรากฐานให้กับลูกหลานของเรา ตัวเราเองก็ผ่านบทพิสูจน์มาอย่างโชกโชนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความยากลำบากที่ต้องผ่านวิกฤตต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าเราก็ผ่านมาแล้ว”
การทำธุรกิจต้องอดทนและตั้งมั่นในคุณธรรม
คุณหนึ่งเล่าว่าการที่จะก้าวได้อย่างสง่างามบนถนนสายนี้ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะนักธุรกิจหน้าใหม่ต้องศึกษาให้รอบด้าน เบื้องหน้าของธุรกิจนี้คือความหรูหราสวยงาม แต่เบื้องหลังต้องมีเงินทุน เครดิต สายสัมพันธ์ พรั่งพร้อมด้วยไอเดีย ความซื่อสัตย์ ความอดทนและอื่นๆ อีกมากมาย “ผมทำงานด้วยความอดทน ผมบอกทุกคนว่าผมไม่เก่งนะ แต่ผมอึดและทนทายาด ผมก้าวเข้าวงการนี้ตั้งแต่อายุ 20 ปี คลุกคลีในวงการนี้มาถึง 20 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ถามว่าเหนื่อยไหม? มันเหนื่อยแทบขาดใจแต่เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ผมเคยต้องตรวจบัญชีตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึงตี 1 ตี 2 ผมก็ต้องทำให้เสร็จ หยุดไม่ได้ เพราะถ้าผมหยุดนั่นหมายถึงความล้มเหลวและความเสียหายขององค์กรที่มีมูลค่านับร้อยล้านบาท ผมว่าผมทำงานหนักแล้วนะ แต่คุณพ่อกับคุณแม่ (ดร.สุณี ศรีอรทัยกุล) ทำงานหนักกว่าผมอีกนับ 10 เท่า ผมเห็นคุณพ่อกับคุณแม่เอาแต่ทำงาน ยังสงสัยเลยว่าทั้งสองท่านแต่งงานกันวันแรงงานหรือเปล่านะ เพราะไม่เคยหยุดทำงานกันเลย” คุณหนึ่งเล่าถึงคุณพ่อและคุณแม่ผู้เป็นต้นแบบของความขยันและอดทนด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข พร้อมกล่าวต่อว่าปัจจัยสู่ความสำเร็จที่สำคัญอีกประการคือ “การทำธุรกิจต้องตั้งมั่นในคุณธรรม”
ถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรในการทำงานของ บิวตี้ เจมส์ ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทุกการตัดสินใจต้องดำรงอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรม ทั้งคุณหนึ่งและสมาชิกในครอบครัวต่างเชื่อมั่นว่า ด้วยการทำธุรกิจที่ตั้งมั่นในพื้นฐานของการมีคุณธรรมเป็นอานิสงส์ที่เสริมส่งให้ครอบครัวได้รับงานดีๆ มากมาย อาทิ การจัดสร้างเครื่องทรงพระแก้วมรกตทั้ง 3 ฤดู “การทำเครื่องทรงพระแก้วมรกต 3 ฤดู นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งยวดของ บิวตี้ เจมส์ เพราะเครื่องทรงเดิมมีอายุกว่า 200 ปี แล้วค่อนข้างชำรุดมาก เมื่อเรามีโอกาสได้ทำใหม่ก็ได้รับการเอื้อเฟื้ออัญมณี ทองคำ เพชร พลอย มาจากทุกสารทิศ ล้วนแต่ของสวยงามทั้งนั้น ผมคิดเสมอว่าผลงานชิ้นนี้นับเป็นบุญของคนทั้งอุตสาหกรรมนี้ที่ได้มาทำบุญร่วมกัน ทุกวันนี้เวลาคุณพ่อเจอเรื่องอะไรหนักๆ ท่านจะ
ไปไหว้ขอพรจากองค์พระแก้วมรกต แล้วท่านก็มักจะผ่านลุล่วงสำเร็จไปได้ ท่านเชื่อในเรื่องของคุณธรรมและการทำดี เราจึงได้รับโอกาสให้ทำในสิ่งที่ดีๆ เช่นนี้ ทีมงานบนไว้เลยว่าอีก 200-300 ปี ก็ขอให้ได้เกิดมาเพื่อจัดสร้างเครื่องทรงพระแก้วมรกตอีกป็นอะไรที่เราดีใจและภูมิใจมาก ไม่ใช่แค่ บิวตี้ เจมส์ เท่านั้น แต่คนทั้งอุตสาหกรรมนี้เลยที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่มีส่วนร่วม และเครื่องทรงพระแก้วมรกตก็งดงามไม่แพ้ศิลปะในมิวเซียมไหนๆ เลย” คุณหนึ่งกล่าวด้วยนำเสียงทท่วมท้นด้วยความปีติยินดีประการสุดท้ายที่คุณหนึ่งกล่าวว่าสำคัญไม่น้อยต่อธุรกิจรวมถึงชีวิตและสุขภาพคือการมี Positive Thinking คุณหนึ่งกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ”ความคิดติดลบเหมือนมีดที่คอยทิ่มแทงตัวเอง เมื่อก่อนผมก็มโนไปต่างๆ นานา แต่เดี๋ยวนี้พอรู้ตัวก็ต้องรีบดึงตัวเองกลับ เพราะรู้ว่าถ้าเรายังมโนในภาพร้ายๆอยู่อย่างนี้จะทำให้เราแก่ ผมกลัวแก่ผมก็เลยหยุดมโนร้ายๆ ผมจะปลดทุกอย่างออกให้หมดก่อนเข้านอนให้ได้ ในมโนเราก็จะเหมือนกระดาษสีขาว เราก็พร้อมจะเริ่มวันใหม่ในวันถัดไปอย่างสนุกสนาน ทุกวันนี้ที่ลุกขึ้นมาแต่งตัว ถ่ายแบบ ทำรายการโทรทัศน์ เป็นพิธีกร เพราะกลัวตัวเองแก่ ตอนนี้ผมพูดอย่างไม่อายเลยว่าผมหยุดตัวเองไว้ที่อายุ 20 ปี”ภายใต้ความรู้สึกของหนุ่มน้อยอายุ 20 ปี คุณหนึ่ง-สุริยน จึงมีแรงขับเคลื่อนชีวิตและธุรกิจอย่างสนุกสนาน งานทุกอย่างที่จับต้องจึงกลายเป็นความสุขไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย พร้อมการสร้างสรรค์ไอเดียเจ๋งๆ ที่เราจะได้เห็นทุกปีผ่านงาน event ไฮโซห่มเพชร อันหรูหราตระการตาสิ่งที่ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง “ศรีอรทัยกุล” ได้กล่าวทิ้งท้ายฝากถึงผู้ที่อยากก้าวมาเป็นนักธุรกิจค้าอัญมณีหรือก้าวไปสู่แถวหน้าของธุรกิจ คือ การคิดนอกกรอบให้ได้ สร้างความแตกต่างพร้อมความอดทนและทุ่มเท แล้วความสำเร็จบนเส้นทางที่ฝันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม