หากมีคนพูดคำว่า “พืชสมุนไพร” จะนึกถึงตำรับยาที่รักษาโรคอันเกิดจากพืชธรรมชาติ บำรุงสุขภาพและอีกทั้งยังเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เป็นตำหรับยาของคนเก่าแก่โบราณที่มีมาหลายร้อยปี ซึ่งเราทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยาอย่างมากมาย ซึ่งต้นพืชต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นพืชที่มีสารที่เป็นตัวยาด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ว่าพืชชนิดไหนจะมีคุณค่าทางยามากน้อยกว่ากันเท่านั้น จากการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกจากยุคอนาล็อก โลกเกิดความเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง กลายเป็นถูกแทนที่ด้วยโลกยุคดิจิทัลแม้กระทั่งยาสมุนไพรไทยที่เคยเป็นของเก่าแก่อยู่คู่บ้าน คู่เมือง คนไทยมาตั้งแต่สมัยเก่าก่อนก็กำลังทยอยล้มหายตายจากไป ทั้งๆ ที่เป็นสินค้าที่ใช้แล้วไม่มีผลข้างเคียงเป็นเสมือนสิ่งจำเป็นต่อการบำรุงร่างกายและเป็นยารักษาโรคอีกทางหนึ่ง
“ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยาตราใบโพธิ์ ” ที่เปิดดำเนินกิจการมาเป็นเวลายาวนานกว่า 100 ปี ภายใต้การบริหารงาน ตระกูล ตั้งตรงจิตร จวบจนปัจจุบันมีผู้บริหารรุ่นใหม่อย่าง คุณประภาพรรณ ตั้งตรงจิตร, คุณหรรษา วะน้ำค้าง, คุณสายพิน ตั้งตรงจิตร ก็ได้เลือกเดินหน้าสานต่อธุรกิจเดิมที่มีอยู่คือ ยาเขียว -ยากวาด ตราใบโพธิ์ จนปัจจุบันมีชื่อเสียงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ ต่อมามีการต่อยอดพัฒนาแบรนด์ใหม่ และ กำลังพัฒนาก้าวไปสู่มาตรฐานระดับโลก คือ GMP จากนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง “คุณอัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร” ทายาทรุ่นที่ 4 สู่แนวคิดการพัฒนาแบรนด์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรตรา “เฌอเอม” จนเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
แนวคิดต่อยอดสมุนไพร “เฌอเอม”
คุณอัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรตรา “เฌอเอม” เล่าว่า ในแง่ธุรกิจการหยุดอยู่กับที่ก็คือการเริ่มก้าวถอยหลัง การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมา คือ การพัฒนาเพื่อรักษาความได้เปรียบของแบรนด์ และ การขยายไปสู่ช่องทางตลาดของผู้บริโภครายใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดยาดม จัดเป็นสินค้าที่มีฐานตลาดกว้างมาก ประกอบกับสินค้าของแบรนด์อื่นๆ มีลักษณะการผลิตที่มุ่งเน้นไปในเรื่องของการใช้เทคนิคการระเหยมากกว่าจะเป็นยาบำรุงขณะที่ “เฌอเอม” มีความแตกต่างในด้านตัวยาสมุนไพรที่มุ่งเน้นตามแบบฉบับของยาโบราณ ทำให้มีกลิ่นหอมของสมุนไพรแบบธรรมชาติ และช่วยบำรุงหัวใจ เพราะ “เฌอเอม” มีส่วนผสมของไม้กฤษณาที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจที่ผ่านการรับรองสรรพคุณและคุณภาพจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อ.ย
ตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ
นอกจากนี้เรายังมีพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ในกลุ่ม “เฌอเอม” ขึ้นมาด้วย ได้แก่ 1. พิมเสนน้ำตราเฌอเอม ที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก , อาการวิงเวียนศีรษะ แมลงสัตว์กัดต่อย แบบไม่ทำลายโพรงจมูก 2. ยาน้ำมันเหลือง ตราเฌอเอม ที่รวบรวมสมุนไพรไทยเข้าด้วยกันมากกว่า 10 ชนิด เพื่อใช้สำหรับทานวด บรรเทาอาการปวดเมื่อย ปวดบวมจากแมลงกัดต่อย 3. ยาหม่องสูตรไพรสดตราเฌอเอม ที่มีส่วนผสมไพรสดเป็นหลัก ทาช่วบลดอาการปวดเมื่อย ตามกล้ามเนื้อ 4. ยาหม่องผสมเสลดพังพอน ตรา เฌอเอม ช่วยในเรื่อง แมลงกัดต่อย 5. ยาหม่องข่าแดง ที่ช่วย ลดอาการอักเสบของผิวอีกด้วย 6. ยาหม่องน้ำตราเฌอเอม กลิ่นหอมสดชื่น 7. การบูรหอมตราเฌอเอม ใช้ไล่กลิ่นอับขจัดกลิ่นชื้น 8. ยาหม่องสูตรเย็นตราเฌอเอม ที่อารมณ์ความรู้สึกเหมือนอโรมา หอมสดชื่น เหมาะสำหรับผิวบอบบาง และ สุดท้าย 9. ลูกประคบสมุนไพรตราเฌอเอม ประกอบด้วยสมุนไพรกว่า 10 ชนิด เป็นสูตรยาตระกูลใบโพธิ์จากวัดโพธิ์
อัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร
กรรมการผู้จัดการ
หจก.จิสประพัจน์
เรียกได้ว่า แบรนด์ “เฌอเอม” มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรขึ้นมาหลากหลาย ปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 30 SKU อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตำรับยาสมุนไพรขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทุกปี และปีนี้ได้ยื่นขอตำรับยาเพิ่มเติมกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อ.ย ไปอีก 20 ตำรับ และ ทุกๆ ผลิตภัณฑ์จะใช้ชื่อ ตราเฌอเอม เหมือนกันหมดเลย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้นอีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถสื่อสารและตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว
เจาะช่องทางการตลาดที่ได้ผลเร็ว
สำหรับช่องทางการทำตลาดในช่วงแรกเราเน้นที่ร้านขายยา เพราะคิดว่าตัวเองคือยาต้องขายในร้านขายยาตามความเข้าใจ แต่ปัญหาคือคนป่วยเท่านั้นที่เข้าร้านยาส่งผลให้ Traffic น้อยถ้าเทียบกับร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นร้านสะดวกซื้อจึงเป็นเป้าหมายต่อไปของเรา
เนื่องจากร้านสะดวกซื้อยังไม่รับผลิตภัณฑ์ เฌอเอม ด้วยเหตุผลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จึงต้องลงเอยด้วยยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง”โดยวางร้านขายยาให้เยอะสุดก่อนหลังจากนั้นจึงขยับมาขายกับผู้ค้าส่ง หรือ ที่เรียกว่า ยี่ปั๊ว และต่อไปก็เป็น Modern Tradeในอดีตช่วงแรกๆ ของการสร้างแบรนด์ และ ทำการตลาดของ “เฌอเอม” ยอมรับเลยว่าไม่มีความรู้ เงินหมดไปการซื้อสื่อโฆษณา เพราะคิดว่าจะช่วยตอบโจทย์เรื่องการเข้าถึงผู้ซื้อได้ แต่ไม่ได้ผล เนื่องจากลูกค้ายังไม่เข้าใจว่ายาดมสมุนไพร “เฌอเอม” เป็นอย่างไร และ ดีอย่างไร
สุดท้าย เราตัดสินใจแจกสินค้าให้ทดลองฟรีตามหน้าร้านขายยา เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ และ ได้สัมผัสสินค้าจริงๆ ผลปรากฎว่าผู้บริโภคให้การตอบรับดีและรวดเร็วมากในการเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท มีการบอกปากต่อปาก และซื้อช้ำ
ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย
จนยาดมสมุนไพร “เฌอเอม” ได้ถูกวางจำหน่ายอยู่ตามร้านยาหมดแล้ว กระทั่งร้านโชว์ห่วย, ร้านหนังสือ เช่น ซีเอ็ด, นายอินทร์ ที่ผันหน้าร้านตัวเองมาวางขายสินค้าประเภทนี้ เช่นกัน ดังนั้น ก้าวต่อไปคือมองตลาดใหม่ในร้านยาตามห้างสรรพสินค้าและ โมเดิร์นเทรด โดยที่แรกในการนำเข้าไปจำหน่ายคือ Watson เพื่อสร้างภาพลักษณ์ในการยกระดับให้ผู้บริโภคมองภาพของแบรนด์ “เฌอเอม” ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และ มีมาตรฐาน
ดังนั้นการจะเป็นยาขึ้นห้างได้จึงต้องสร้างความแตกต่างด้วยการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแพคเกจจิ้งให้สวยงาม ทันสมัย และได้มาตรฐานมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นสี ขาว เขียว เพื่อเน้นการสื่อความหมายว่าเป็นสินค้าธรรมชาติสมุนไพร จนในที่สุด แบรนด์ “เฌอเอม” ก็ได้ เข้าวางขายใน 7-11 ด้วยตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ทำให้ยอดขายเพิ่มจ ถือเป็นการวางจำหน่ายครบทุกช่องทางตามที่ได้วางแผนไว้
เกิดการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล
อย่างไรก็ดี ในยุคปัจจุบันที่คนใช้โทรศัพท์มือถือเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับชีวิตประจำวัน ในการหาข้อมูล ซื้อสินค้า อัพเดทข่าวสาร และเพิ่มการพิจารณาในการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อเพิ่มมากขึ้น ในการซื้อผ่านออนไลน์ โดยดูข้อเปรียบเทียบ รีวิวต่างๆ การไปเดินห้างสรรพสินค้าอีกหน่อยจะเป็นแค่ไปดู ไปเห็นสินค้าจริง เท่านั้น แล้วกลับมาสั่งออนไลน์ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปและง่ายไปหมด
ที่ผ่านมา แบรนด์ “เฌอเอม” จึงได้ปรับตัวด้วยการขยายช่องการจัดจำหน่ายเข้าไปในส่วนของ Shopping Online อาทิ Shopee, Lazada และ Platform Shopping Online อื่นๆ เพื่อปรับตัวเองให้สอดคล้องบเข้ากับยุคโซเชียลในปัจจุบันมากขึ้น
ขยายตลาดต่างประเทศ
สำหรับตลาดต่างประเทศบริษัทได้เริ่มจากตลาดเพื่อนบ้านก่อน เช่น ลาว, เวียดนาม, พม่า เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา จากนั้นก็เริ่มขยายตลาดไปประเทศจีนซึ่งเราตั้งเป้าหมายจะบุกตลาดใหญ่ในประเทศจีนโดยได้ร่วมลงทุนกับนักธุรกิจที่นั้นเพื่อเปิดตลาดร่วมกันในการทำผลิตภัณฑ์ไปขายในประเทศจีน โดยทุกประเทศที่เข้าไป ได้มีการวางแผนสื่ออนไลน์ การหา Influencer การ เข้าไปเยี่ยมร้านค้า การจัดหาตัวแทน และ อื่นๆ ที่เหมาะกับประเทศนั้นๆนอกจากนี้ก็เริ่มมีการบุกออกไปสู่ตลาดตะวันออกกลาง เช่น UAE, OMAN, BAHRAIN และยังมีรับทำ OEM ผลิตสินค้าให้กับลูกค้าให้กับหลายบริษัทอีกด้วย ส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเกิดวิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด 19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปทำตลาดต่างประเทศได้ จึงปรับกลยุทธ์ใหม่มาสู่การทำตลาดต่างประเทศโดยการจัดโปโมชั่นผ่านออนไลน์และจัดส่งสินค้าไปขายผ่านดีลเลอร์และตัวแทนจำหน่ายที่นั้นแทน
ปัจจุบันประเทศต่างๆ ที่เราขายสินค้าไปจะมีการทำตลาดกับคู่ค้าที่ประเทศนั้นๆ หรือ มีการทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายเพื่อสร้างยอดขายและให้เป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะการทำตลาดในประเทศจีน เนื่องจากมีคนจีนเข้ามาในประเทศไทยปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่รู้จักกับสมุนไพรไทยอยู่แล้ว รวมไปถึงชนชาติต่างประเทศอื่นๆ ด้วย ที่มาเมืองไทยแต่ละครั้งก็จะเข้าร้านนวด ทำให้รู้จักสมุนไพรไทยว่าเป็นยา มีการซื้อยาดม ยาหม่อง จากเมืองไทยกลับไปเป็นของฝาก จึงทำให้การทำตลาดในต่างประเทศค่อนข้างง่ายกว่าในอดีตที่ผ่านมา
ปรับแผนกลยุทธ์การตลาดรับมือโควิด 19
ด้านยอดขายสัดส่วน 80% คือ ตลาดในประเทศ อีก 20% คือ ตลาดต่างประเทศซึ่งกำลังเพิ่มสัดส่วนมากขึ้น แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเจอวิกฤตโควิด 19 ระบาด ทำให้ยอดขายส่วนตลาดต่างประเทศลดลงอย่างมาก แต่เรายังรักษาสภาพการณ์ได้เนื่องจากตลาดใหญ่ของเราคือ ในประเทศอย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาบริษัทปรับแผนกลยุทธ์การตลาดด้วยการหันมาทำความเข้าใจลูกค้า ให้เครดิตกับลูกค้า เพื่อให้เกิดสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในการเป็นคู่ค้ากันต่อไป นี้คือการดูแลลูกค้าขณะที่การทำตลาดในประเทศเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 จึงต้องจัดกิจกรรมการตลาดน้อยลงแล้วหันมาเน้นขายผ่านออนไลน์มากขึ้น จึงทำให้บริษัทสามารถรักษาสภาพการจำหน่ายได้ค่อนข้างดี
ในปีที่ผ่านมาการเติบโตตลาดออนไลน์มีค่อนข้างมาก โดยเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อจำนวนเยอะๆ ไม่ว่าจะเอาไปใช้ในงานบุญ งานพิธี หรือกิจกรรมต่างๆ รวมถึงลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่ต้องการผลิตภัณฑ์เรา ในช่วงที่เราต้องกักตัวอยู่บ้านมากกว่าปกติ จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ยอดขายในตลาดออนไลน์ของเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคตบริษัทก็จะมีต่อยอดพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องเสมอ…ภายใต้แบรนด์ “เฌอเอม” สมุนไพรไทยที่เกิดจากคนไทย